Notice: Function _load_textdomain_just_in_time was called incorrectly. Translation loading for the wck domain was triggered too early. This is usually an indicator for some code in the plugin or theme running too early. Translations should be loaded at the init action or later. Please see Debugging in WordPress for more information. (This message was added in version 6.7.0.) in /home/scottde/domains/scott-demo.com/public_html/holistique/wp-includes/functions.php on line 6114
January 2023 – Page 2 – holistique

Picosecond Laser นวัตกรรมเลเซอร์ที่พลิกวงการผิวหนังและความงาม

เลเซอร์ขจัดสีผิวที่ผิดปกติได้อย่างไร?

เลเซอร์ขจัดสีผิวที่ผิดปกติของผิวหนัง โดยปล่อยพลังงานแสงไปตรงบริเวณสีผิวที่ปัญหาเพื่อทำให้เม็ดสีที่ผิดปกติแตกเป็นผงขนาดเล็กๆ

Q-Switched Laser

Q-Switched Laser (ระบบเก่า) กับ Picosecond Laser แตกต่างกันอย่างไร ?

Q-Switched Laser เป็นเลเซอร์ที่เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นแรงอัด เพื่อทำให้เม็ดสีใต้ผิวหนังแตกกระจายเป็นเศษเล็กๆ แล้วเม็ดเลือดขาวในร่างกายจึงจะมาเก็บกินเศษซากเม็ดสีและขจัดออกจากร่างกายทางทางเดินน้ำเหลือง

Picosecond Laser

Picosecond Laser เป็นเลเซอร์ที่สามารถปล่อยพลังงานแสงสูงออกมาในช่วงเวลาที่สั้นขึ้น (ในระดับวินาที) ซึ่งจะสั้นกว่าระบบ Q-Switched เดิมกว่าประมาณ 100 เท่า จึงทำให้เม็ดสีแตกละเอียดมากขึ้น ใช้ระยะเวลารักษาน้อยกว่า ให้ผลการรักษาได้ดีกว่า และเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ด้วยเทคนิคที่เหมาะสม จึงได้ทำให้ Picosecond Laser สามารถรักษาความผิดปกติของผิวหนังได้อย่างมากมาย

เจาะลึก 4 ข้อดีของ Picosecond Laser

  • จางเร็วกว่า เพราะ มีการปล่อยพลังงานแสงในช่วงระยะเวลาที่สั้นขึ้นกว่า Q-Switched เป็น 100 เท่า จึงทำให้เม็ดสีแตกละเอียดมากขึ้น
  • เจ็บน้อยกว่า เพราะ พลังงานแสงที่ปล่อยออกมาสัมผัสกับผิวหนังมีช่วงระยะเวลาที่สั้นมากกว่า Q-Switched จึงใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า และรู้สึกเจ็บน้อยกว่า
  • โอกาสเกิดรอยคล้ำหลังทำน้อยกว่า เพราะ พลังงานแสงออกมาสัมผัสกับผิวหนังมีระยะเวลาที่สั้นมาก ทำให้เกิดการทำลายเฉพาะจุดที่เจาะจง ไม่ก่อให้เกิดความร้อนกระจายออกมา ดังนั้นเนื้อเยื่อผิวหนังที่อยู่รอบๆ จึงไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย
  • ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะ นอกจากจะสามารถรักษาภาวะสีผิวที่ปิดปกติได้แล้ว ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย
  • ขจัดเม็ดสีที่ผิดปกติ เนื่องจากสามารถปล่อยพลังงานแสงสูงในช่วงระยะเวลาที่สั้นมากๆ จึงทำให้เม็ดสีแตกละเอียดมากขึ้น ทำให้สามารถรักษาสีผิวที่ผิดปกติได้เป็นอย่างดี เช่น รอยดำรอยแดงจากสิว, กระแดด, กระลึก, ปาก – เหงือกคล้ำ, ปานโอตะ, ฝ้า(ชั่วคราว) และลบรอยสัก
  • ปรับสภาพผิว เมื่อใส่เลนส์กระจายแสงชนิดพิเศษเข้าไป Picosecond Laser สามารถกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ จึงทำให้สามารถทำการรักษาปัญหาผิวหนังเหล่านี้ให้เรียบเนียนขึ้นได้ เช่น แผลหลุมสิว, รูขุมขนกว้าง, ริ้วรอยเหี่ยวย่น, รอยแตกลาย และรอยแผลเป็น

ข้อควรรู้ก่อนทำ Picosecond Laser

  • ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 2 สัปดาห์ทั้งก่อนและหลังเข้ารับการรักษา
  • หากมีปัญหาสิวหรืออาการอักเสบของผิวอยู่ ควรรักษาอาการเหล่านั้นให้หายดีก่อนเข้ารับการรักษา
  • หลังทำเลเซอร์ผิวอาจมีรอยแดงได้บ้างประมาณ 3-5 วัน ควรหลีกเลี่ยงการถูหน้าอย่างรุนแรง
  • หลังจากทำเลเซอร์ ไม่ควรล้างแผลด้วยสบู่หรือโฟมและควรงดการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง จนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดออกหมด

NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) คือ

โคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พบได้ในเซลล์ ช่วยส่งเสริมการงอกใหม่ของเซลล์และการแปลงพลังงานของเซลล์ เป็นสารประกอบสำคัญสำหรับร่างกายมนุษย์ ช่วยซ่อมแซม DNA ซ่อมแซมเซลล์ และเมตาบอลิซึมของเซลล์ให้ดีขึ้น ช่วยชะลอกระบวนการแก่ และโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้น

การเสริม NAD+

ในปัจจุบันเป็นรูปแบบเหมือนการให้น้ำเกลือที่มี วิตามินทางหลอดเลือดดำ ซึ่งสะดวก รวดเร็ว และไม่มีผลข้างเคียง ใช้เวลาในการให้สารน้ำประมาณ 40 นาที ก็กลับบ้านได้ การเสริม NAD+ให้ร่างกาย สามารถช่วยเพิ่มสมรรถภาพ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย ฟื้นฟูระบบประสาท ช่วยแก้ไขปัญหาการนอนหลับ เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคต่างๆ ช่วยซ่อมแซมสายดีเอ็นเอ (DNA) และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเผาผลาญของร่างกายให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย อ่อนล้า ปวดศีรษะเรื้อรัง มีปัญหาในการนอน นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นมาไม่สดชื่น ช่วยฟื้นฟูอาการต่างๆเหล่านี้ให้ดีขึ้นในเวลาไม่นาน

LED Light Therapy แสงรักษา

LED Light Therapy เป็นการรักษาด้วยแสงความเข้มข้นสูง ความพิเศษของเครื่อง LED ที่ iSKY จะมีแสง 4 สี ที่ครอบคลุมทุกปัญหาผิว โดยแสงแต่ละสี จะทำหน้าที่ต่างกันเพื่อลดปัญหาในแต่ละประเภท และเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เครื่องสามารถตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ เพื่อการรักษาปัญหาเฉพาะเจาะจงในแต่ละปัญหาของผิว

สามารถใช้รักษาได้ดังนี้

  • ใช้หลังจากการรักษาด้วยเลเซอร์ หรือการฟื้นฟูผิวและลดอาการบวมหลังจากการเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม
  • ใช้เพื่อปรับผิวหน้าให้ขาวใสและปรับเม็ดสีให้สม่ำเสมอ
  • ฆ่าเชื้อสิวและปรับปรุงรอยสิวหลังการรักษาด้วยเลเซอร์ให้ดีขึ้น

แสงไม่มีสี (Near-infrared (NIR) Light) ความยาวคลื่น 850 nm ทำลายเม็ดสีและเมลานิน

แสงสีเหลือง (Yellow Light) ความยาวคลื่น 592 nm ฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen

แสงสีฟ้า (Blue Light) ความยาวคลื่น 460 nm ฆ่าเชื้อ (สิว)

แสงสีแดง (Red Light) ความยาวคลื่น 625 nm ดูแลหนังศีรษะและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม

นอกจากประโยชน์ที่กล่าวมาแล้วการรักษาด้วยแสงยังช่วยกระตุ้นหลอดเลือดฝอยใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยในการสมานแผล โดยเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันยังส่งระบายของเสียในหลอดเลือดอีกด้วย

ผลการรักษา

หลังรักษาต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง จะพบว่าผิวพรรณดูมีสุขภาพดีขึ้น สีผิวขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ความรู้สึกขณะทำการรักษา

ในระหว่างการรักษาจะเปรียบเสมือนกับการนอนพักผ่อน มีความรู้สึกอุ่นเล็กน้อยในบริเวณที่ฉายแสง LED Light Therapy

ข้อดีของการรักษาด้วย LED Light Therapy

  • กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว
  • รักษาความเสื่อมของเซลล์ผิวโดยไม่ทำลายเซลล์อื่น ๆ
  • ลดอาการบวมของแผลหลังจากการผ่าตัด
  • ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีผลข้างเคียง  สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

* ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

IV Therapy

IV Therapy ย่อมาจาก Intravenous Therapy หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “Vitamin Drip”และ “วิตามินบำบัด” นั้น หมายถึงการให้วิตามินหรือสารน้ำผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกายซึ่งจะรวดเร็ว ปลอดภัย เห็นผลไว และใช้เวลาในกระบวนการทำไม่นาน การทำ IV Therapy จึงเป็นการให้วิตามินที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

ขั้นตอนการทำ IV Drip
การให้วิตามินด้วยวิธี IV Drip สะดวกและไม่ยุ่งยาก โดยจะมีแพทย์ผู้ชำนาญการทำการตรวจร่างกาย ให้คำปรึกษา และคำแนะนำที่เหมาะสมกับคนไข้ เพื่อเลือกวิตามินที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล
จากนั้นพยาบาลของคลินิกจะทำการผสมวิตามินตามสูตรด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ เมื่อผสมวิตามินเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการเปิดเส้นที่ข้อพับแขน หรือข้อมือ เพื่อต่อสายน้ำเกลือและปล่อยวิตามินค่อยๆซึมเข้าไปทางหลอดเลือดดำ ลักษณะเหมือนการให้น้ำเกลือในโรงพยาบาล
ซึ่งในระหว่างที่ทำ IV Drip คนไข้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบได้ อาทิ อ่านหนังสือ ท่องโซเชียลมีเดีย ฯลฯ ในระหว่างที่รับบริการจะมีพยาบาลคอยเข้ามาเช็คความเรียบร้อยตลอดการรับบริการ
เมื่อให้ วิตามินจนหมดเรียบร้อยแล้ว พยาบาลจะมาถอดสายน้ำเกลือออก ก็เป็นอันจบขั้นตอนการทำ IV Drip หลังจากนั้นก็กลับบ้านได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้วิตามิน

  1. อาจเกิดภาวะมึนศีรษะคลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง หรือเหงื่อออก (พบได้น้อย)
  2. อาจเกิดอาการปวดมวนท้อง เนื่องจากการให้วิตามินบางชนิดได้
  3. อาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อสั่น (muscle shaking) หรือ หนาวสั่น (Chill)
  4. อาการบวม หรือ มีแผลช้ำ หรือจ้ำเลือด (bruise) หรือมีก้อนเลือดขัง (hematoma) อยู่ตรงบริเวณที่ให้สารน้ำ
    ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
  5. อาจเกิดภาวะน้ำเกินได้ ในผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจ หรือโรคไต
  6. อาจมีภาวะน้ำตาลในเลือดผิดปกติจากการตรวจปลายนิ้ว ในช่วง 1-6 ชั่วโมงหลังการรักษา
  7. อาจเกิดภาวะเส้นเลือดดำอักเสบได้ (Phlebitis) จากการให้สารน้ำ

สูตรวิตามิน IV Drip

  1. Drip IV Immune Booster (1 Course)
  2. Drip IV Collagen Booster (1 course)
  3. Drip IV Immune Bright Plus (1 course)
  4. Drip IV Liver Detox (1 Course)
  5. Drip IV Healthy Booster Plus (Immune Booster +Detox) (1 Course)
  6. Drip IV Revitalize bright and clear (Immune Bright Plus+Detox) (1 Course)

INDIBA เครื่องกระชับผิว โดยการใช้คลื่นความถี่สูง

Indiba เป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมในการกำจัดไขมันในชั้นไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันฝ่อตัวลง และยังมีผลในการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับเรียบตึงในเวลาเดียวกัน โดยไม่สร้างความเจ็บปวดใดๆ ไม่มีการบาดเจ็บ และไม่ต้องผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดการส่งคลื่นวิทยุ แบบหลายขั้ว  448 kHz (448 kHz monopolar radiofrequency)

ความปลอดภัยของการใช้ INDIBA

INDIBA เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงสุดจะไม่เกิน 42 องศาเซียลเซียส และเป็นอุณหภูมิที่เกิดขึ้นจากภายในร่างกายโดยปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ ขณะรักษาจะให้ความรู้สึกที่อุ่นสบายและผ่อนคลายอย่างมาก

INDIBA ทำงานอย่างไร?

เป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่ 0.5 MHz ทำให้เกิดผลของ Hyperthermia หรือไข้เทียม ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายสูงขึ้นประมาณ 3 – 5 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิร่างกายปกติประมาณ 37องศาเซลเซียส) ทำให้เกิดผลดังนี้

1.Vasodilator Effect (การขยายตัวของหลอดเลือด)

  • เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
  • เพิ่มสารอาหารและออกซิเจนให้กับเซลล์และเนื้อเยื่อ
  • ฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังให้กลับมามีชีวิตชีวา

2.ช่วยในการกระตุ้นและไล่น้ำเหลืองหรือขับของเสียออกจากร่างกาย

3.ช่วยทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เพิ่ม metabolism และสลายไขมัน

4.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น

5.ทำให้ผิวพรรณเรียบเนียน เต่งตึงกระชับ

Hydro jet peeling คืออะไร

Hydro jet peeling หรือ Oxyjet เป็นการนำออกซิเจนบริสุทธิ์ 99% ผสมกับน้ำเเร่บริสุทธิ์ในอนุภาคขนาดเล็กมาพ่นด้วยความแรงสูงที่ความเร็ว 200 เมตรต่อวินาที (Jet Spray) ซึ่งความแรงระดับนี้ได้มีการทดลองแล้วว่าสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนัง ชั้น Basal cell ของ Epidermis หรือ Dermis และช่วยขจัดชั้นผิวหนังที่ตาย Hydro jet peeling นี้จะช่วยทำความสะอาดสิ่งตกค้างตามรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก ทำให้ผิวสะอาด อิ่มน้ำ มีสุขภาพที่ดี และยังช่วยทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนที่ผิวขึ้นมาใหม่อีกด้วย

ประโยชน์ของ Hydro jet peeling

  • เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น มีประโยชน์ต่อระบบน้ำเหลือง
  • รักษาสิว สิวอุดตัน สิวหัวดำ
  • ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก กำจัดสิ่งอุดตันตามรูขุมขน
  • รักษาผิวที่ดูหม่นหมองคล้ำเสีย ให้กลับดูกระจ่างใส อ่อนวัย และมีสุขภาพดีขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

Hydro jet peeling สามารถทำได้บ่อยแค่ไหน

อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง

HIFEM เทคโนโลยีเพื่อคนอยากเฟิร์ม

HIFEM (High-Intensity Focused ElectroMagnetic Field) คือเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่จะส่งพลังงานแบบเฉพาะเจาะจงไปที่กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหดรัดเกร็งอย่างสม่ำเสมอ เหมือนการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง สามารถนำมาใช้บำบัดและรักษาผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและยังสามารถนำมารักษากับคนที่ต้องการให้กล้ามเนื้อหน้าท้องมีความชัดขึ้น หรือบั้นท้ายกระชับขึ้นได้อีกด้วย โดยที่ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการออกกำลังกาย มีความปลอดภัยสูงมาก และไม่จำเป็นต้องเปิดแผลผ่าตัดใด ๆ อีกด้วย

ใครเหมาะกับ HIFEM

  • ผู้ที่ออกกำลังกาย ต้องการลดไขมันเฉพาะที่และเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อให้รูปร่างดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้มี 6 Packs ที่ชัดเจน บั้นท้ายยกกระชับขึ้น รอบเอวลดลง
  • ผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่มีเวลาออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ต้องการลดไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อให้รูปร่างดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น
  • คุณแม่ที่มีปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อยจากการที่กล้ามเนื้อยืดขยายจากการตั้งครรภ์
  • ผู้ที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น และได้เรื่องรูปร่างเป็นผลพลอยได้ จากการวิจัยพบว่า สามารถลดไขมันในช่องท้องได้ถึง10% ซึ่งไขมันช่องท้อง เป็นตัวชี้วัดเรื่องของสุขภาพและโรคต่างๆ มากมาย
  • ผู้ที่ไม่สามารถออกกำลังกายหรือ Weight Training ได้ เช่น มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง แต่ต้องการความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่มากขึ้นและลดไขมันได้มากขึ้น

ระยะเวลาการทำ HIFEM

ใช้เวลารักษา 30 นาที ต่อ 1 บริเวณ ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ควรทำต่อเนื่องกันอย่างน้อย 4 อาทิตย์เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การเตรียมตัวก่อนทำ HIFEM

งดทานอาหาร 1 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการรักษา

Facial treatments ปรนนิบัติผิวหน้าให้กระจ่างใสขั้นสุด

ทรีทเมนต์หน้า (Facial treatment) คือกระบวนการรักษา ดูแล และบำรุงผิวหน้าด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ อย่างพิถีพิถัน โดยมีจุดประสงค์ในการทำหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำเพื่อลดรอยสิว ยกกระชับใบหน้า หรือการสลายไขมัน ซึ่งแต่ละโปรแกรม อาจจะมีหลายขั้นตอน หรือขั้นตอนเดียว ตามแต่วิธีการของการรักษานั้นๆ

Facial treatments เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีสุขภาพผิวดีอยู่แล้ว และต้องการคงสภาพผิวที่ดีไว้
  • ผู้ที่มีสุขภาพผิวที่ไม่แข็งแรง และต้องการฟื้นฟูสภาพผิว
  • ผู้ที่นอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ผู้ที่มีเนื้อผิวไม่เต่งตึง ไม่กระชับ ริ้วรอยชัด
  • ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ บำรุงเท่าไรก็เหมือนสารอาหารไม่ซึมเข้าผิว

ผู้ที่แต่งหน้าติดยาก เพราะผิวขาดความชุ่มชื้น

Electroporation เติมวิตามิน ที่จำเป็นต่อผิว

Electroporation เป็นวิธีการส่งผ่านสารอาหารที่จำเป็นต่อผิว วิตามิน โคเอนไซม์เข้าสู่ผิวโดยไม่ต้องฉีดยา ทำให้ผิวหน้าสดใสและมีสุขภาพดีได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

โดยอาศัยหลักการในการใช้ประจุไฟฟ้าที่มีทั้งอิออนบวกและลบ ผลักวิตามินที่มีโมเลกุลหลายขนาดลงสู่ชั้นผิว ได้ผลดีกว่าทาใช้มือทาครีมถึง 95% จึงทำให้ประสิทธิภาพชัดเจนเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

* ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Cell therapy เซลล์บำบัด

เมื่อคนเรามีอายุที่มากขึ้น เซลล์มากมายซึ่งประกอบกันเป็นอวัยวะและร่างกายของเราก็จะค่อยๆ เสื่อมลงไปในทุกวัน เซลล์เหล่านี้บางส่วนก็จะตายหรือหยุดทำงานไป เมื่อมีเซลล์ที่เสื่อมและหยุดทำงานมากขึ้น ก็จะก่อให้เกิดอาการของโรคต่างๆ รวมทั้งความเสื่อมและความชราด้วย การรักษาและป้องกันโรคที่แท้จริงจึงควรเริ่มต้นที่การซ่อมแซม และบำบัดเซลล์นั่นเอง

การทำเซลล์บำบัดคือ การฟื้นฟูเซลล์ ให้กลับมาแข็งแรงและมีคุณภาพดีอีกครั้ง หรือเป็นการดูแลและบำรุงเซลล์ที่เสื่อมประสิทธิภาพกลับมาแข็งแรงอีกครั้งนั่นเอง

เซลล์บำบัดเป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติที่มีความปลอดภัยและได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถกระตุ้นเซลล์ของร่างกายเพื่อการฟื้นฟูและเสริมสร้างพลังของร่างกาย การใช้เซลล์บำบัดสามารถฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งของเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพลงและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าแนวทางเซลล์บำบัดนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการชะลอวัยรวมถึงรักษาสาเหตุของปัญหาต่างๆ ของร่างกาย การบำบัดด้วยเฟรชเซลล์มีคุณสมบัติในการชะลอวัย รักษา และสร้างเซลล์ใหม่ เพื่อต่อสู้กับสัญญาณแห่งความร่วงโรยอย่างแท้จริง

การฟื้นฟูสุขภาพด้วย Cell Therapy ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

  • โรคจากความชรา
  • ระบบประสาทผิดปกติ
  • การย่อยอาหารผิดปกติ
  • ปัญหาหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด
  • ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ฮอร์โมนผิดปกติ
  • โรคออทิซึ่ม หรือ ADHS
  • โรคข้อ
  • โรคผิวหนัง
  • ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเป็นหมัน

พันธุกรรมและพัฒนาการผิดปกติในทารกและเด็ก